Taiwan-Excellent
SCN เปิดแผนธุรกิจ มั่นใจปีนี้โกยรายได้ 2.1 พันลบ.
SCN เปิดแผนธุรกิจ มั่นใจปีนี้โกยรายได้ 2.1 พันลบ.

SCN เปิดแผนธุรกิจ มั่นใจปีนี้โกยรายได้ 2.1 พันลบ.

Date Post
20.04.2022
Post Views

SCN เปิดแผนธุรกิจ ลุยโครงการผลิตไฟฟ้า แย้มธุรกิจกัญชง เตรียมโครงสร้างบริษัทเสร็จแล้ว พร้อมรับใบอนุญาตปลูกแบบ Indoor รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มั่นใจปีนี้โกยรายได้ 2,100 ล้านบาท

นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พลังงานทดแทน และขนส่งแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ จากการเตรียมบันทึกรายได้พิเศษมูลค่า 313 ล้านบาท หลังขายหุ้นของบริษัท ก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด (Thai-Japan Gas Network หรือ TJN) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการพัฒนาคุณภาพและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ รวมถึงก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรม (iCNG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SCN ให้กับ บริษัท Shizuoka Gas Company Limited หรือ SZG ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ของ ประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน 49%

ขณะเดียวกันการเข้ามาถือหุ้นของ SZG ส่งผลดีต่อชื่อเสียงของบริษัทฯ ให้มีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ขณะที่ลูกค้ารายเดิมยังมีความต้องการใช้ก๊าซ ICNG เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่มเติม อาทิ ผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่น และผู้ประกอบการจากสหภาพยุโรป เป็นต้น 

นอกจากนี้ยังมีลูกค้าเตรียมเซ็นสัญญาเข้ามาเพิ่มเติมอีกหลายราย และมีความต้องการใช้ก๊าซ ICNG มากกว่า 2,000 ล้านบีทียู (MMBTU) จากปัจจุบันที่มีปริมาณการขายก๊าซ ICNG มากกว่า 5,000 ล้านบีทียู (MMBTU) ต่อวัน ประกอบกับราคาพลังงานยังคงทรงตัวในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซ NGV แบบครบวงจร และใช้ในกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม (iCNG) และธุรกิจพลงังานทดแทน 

The FounderX & NETIZEN

“หลังจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศยูเครน และประเทศรัสเซีย เป็นแรงผลักดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เป็นแรงหนุนให้ผู้ใช้รถ ทั้งในกลุ่มรถบรรทุก  ผู้ประกอบการการขนส่ง และผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ หันมาใช้ก๊าซธรรมชาติอัดแรงดันสูง NGV และ iCNG มากยิ่งขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมาทุกสถานีให้บริการเติมก๊าซ NGV ขยายตัวมากว่า 20% เมื่อเทียบกับจุดต่ำสุด” นายฤทธี กล่าว

ส่วนโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มมินบูในเมียนมาร์ที่อยู่ภายใต้การบริหารของ บริษัท กรีน เอิร์ธ พาวเวอร์ ไทยแลนด์ จำกัด (GEP Thailand) SCN ถือหุ้นใน GEP Thailand ราว 40% มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากำลังการผลิตรวม 220 เมกะวัตต์ โดยเริ่มรับรู้รายได้จากการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) จากเฟสแรก กำลังผลิตอยู่ที่ 50 เมกะวัตต์ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง  ด้านเฟสที่ 2 กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค. 2565 ก่อนที่จะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไตรมาส 4/2565 อย่างแน่นอน

สำหรับธุรกิจด้านกัญชง เริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา SCN มีนักลงทุนใหม่เข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯที่เกี่ยวข้องกับกัญชงอย่างมหาศาล แสดงถึงความสำเร็จ และความน่าสนใจในธุรกิจกัญชงเพื่อการแพทย์เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นกัญชงเกรดการแพทย์ มีพื้นที่ปลูก 3,000 ตารางเมตร โดยมีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกกัญชงถือหุ้นในสัดส่วน 40% 

ปัจจุบันเริ่มดำเนินการปลูกล็อตแรกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ในช่วงของระยะเริ่มต้น และคาดว่าหากปลูกได้เต็มพื้นที่จะสามารถสร้างรายได้ 200-300 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีแผนใช้เงินลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้า จากการแปลงสภาพตามใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ บมจ.สแกน อินเตอร์ ครั้งที่ 1 (SCN-W1) ราว 120 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดหวังว่าผู้ถือหุ้นจะใช้สิทธิแปลงสภาพตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด โดยมีจำนวนหน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 119,996,757 หน่วย โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาใช้สิทธิ 2.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 13 ม.ค. 2566 

พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะนำเงินไปลงทุนใน บริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด (SAP) ที่ดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) สัญญาซื้อขายไฟภาคเอกชน (Private PPA) และสัญญาเช่าโซลาร์รูฟท็อปทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อยและลูกค้าภาคธุรกิจ เช่น กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมหรือโรงแรม เป็นต้น โดยปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟ 20 เมกะวัตต์ และมีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ 10 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มขึ้นเป็น 30-40 เมกะวัตต์ ในปี 2566 ก่อนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีเป้าหมายที่จะมีศักยภาพในการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็น 100 เมกะวัตต์

สำหรับการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสใน 2/2565 เชื่อว่ามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย แม้ว่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้น ประกอบกับอัตราการเสียชีวิตปรับตัวลดลง ขณะที่ภาครัฐบาลยังได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 มาต่อเนื่อง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ทั้งการเติบโตของกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ, ธุรกิจผลิตไฟฟ้า, ธุรกิจให้บริการบำรุงรถเมล์ NGV และธุรกิจใหม่ในส่วนของกัญชง เป็นปัจจัยบวกและทำให้บริษัทฯ มั่นใจในเป้าหมายรายได้ปี 2565 ที่คาดจะทำได้ประมาณ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.75 พันล้านบาท

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Nichaphan W.
การตลาดและประชาสัมพันธ์