Smartcity

‘Smart City for Sustainability’ บทเรียนและกรณีศึกษาจากทั่วโลก

06.08.2024

ทุกท่านทราบกันไหมครับว่าในยุคปัจจุบันการพัฒนาเมืองอัจฉริยะเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากความต้องการและความตระหนักที่อยากจะอยู่ร่วมกับธรรมชาติของมนุษย์นั้นมีมากขึ้น จึงเกิดเป็นแนวคิดที่หลายประเทศได้เร่งพัฒนาและปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน การประหยัดพลังงาน และการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาผสานรวมในการออกแบบและบริหารจัดการเมือง เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน ในบทความนี้เราจะนำทุกท่านเข้าสู่การวิเคราะห์กรณีศึกษาและบทเรียนที่เราได้เรียนรู้จากเมืองอัจฉริยะทั่วโลก

mmthailand Sustainability

นิยามของเมืองอัจฉริยะ

เมืองอัจฉริยะ (Smart City) หมายถึง การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสารในการบริหารจัดการทรัพยากรและบริการสาธารณะ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน การลดการใช้พลังงาน และการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เทคโนโลยีที่ใช้ในเมืองอัจฉริยะประกอบด้วย 4 ภาคส่วนที่ต้องได้รับการพัฒนา เช่น  Internet of Things (IoT), การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data), ระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะ และการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เพื่อให้เมืองสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืนในระยะยาว

กรณีศึกษาจากเมืองอัจฉริยะทั่วโลก

  • กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
    กรุงโคเปนเฮเกนเป็นหนึ่งในเมืองที่เป็นผู้นำในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน เมืองนี้ได้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นเมืองที่ปราศจากการปล่อยคาร์บอนภายในปี 2025 โคเปนเฮเกนได้เน้นการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น รถไฟฟ้าและจักรยาน นอกจากนี้ เมืองยังมีโครงการ “Copenhagen Connecting” ที่ใช้เทคโนโลยี IoT ในการเก็บข้อมูลและบริหารจัดการการจราจรและพลังงานในเมือง
  • บาร์เซโลนา ประเทศสเปน
    เมืองบาร์เซโลนาเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของเมืองอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาเมืองให้ยั่งยืน เมืองนี้ได้ติดตั้งเซนเซอร์ในหลายพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลการใช้พลังงาน น้ำ และการจัดการขยะ ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้ทรัพยากร นอกจากนี้ บาร์เซโลนายังมีโครงการ “Superblocks” ที่มีเป้าหมายในการลดการใช้รถยนต์ในบางพื้นที่เพื่อสร้างพื้นที่สาธารณะและส่งเสริมการเดินเท้าและการใช้จักรยาน 
  • สิงคโปร์
    สิงคโปร์เป็นเมืองที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการบริหารจัดการเมือง ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการจำลองสถานการณ์ (Simulation) เพื่อวางแผนการพัฒนาเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ เมืองนี้ยังมีโครงการ “Smart Nation” ที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการด้านต่าง ๆ เช่น การขนส่ง การดูแลสุขภาพ และการจัดการพลังงาน สิงคโปร์ยังมีการใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการการจราจรและการใช้พลังงานในอาคารสำนักงาน

บทเรียนที่ได้จากกรณีศึกษา

จากกรณีศึกษาของเมืองอัจฉริยะทั่วโลก มีบทเรียนสำคัญหลายประการที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาเมืองในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น

  • การใช้เทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล
    การใช้เซนเซอร์และเทคโนโลยี IoT ในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรและการดำเนินชีวิตของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเมือง 
  • การมีส่วนร่วมของประชาชน
    การพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืนต้องการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการวางแผนและดำเนินการ ประชาชนควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีและการประหยัดพลังงาน 
  • การใช้พลังงานหมุนเวียน
    เมืองที่ยั่งยืนต้องมีการใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินการ เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำ การใช้พลังงานหมุนเวียนจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ 
  • การสร้างพื้นที่สีเขียวและพื้นที่สาธารณะ
    การสร้างพื้นที่สีเขียวในเมือง เช่น สวนสาธารณะ สวนหย่อม และพื้นที่ป่าชุมชน ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนและช่วยลดความร้อนในเมือง 

การประยุกต์ใช้บทเรียนเหล่านี้ในประเทศไทย

การนำบทเรียนจากการออกแบบเมืองอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืนมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย สามารถทำได้หลายวิธีโดยเน้นการใช้เทคโนโลยีและการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว 

การใช้เทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล

  • ติดตั้งเซนเซอร์ในเมืองหลัก ๆ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงาน การจัดการขยะ และการจราจร
  • ใช้เทคโนโลยี IoT ในการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง 

การมีส่วนร่วมของประชาชน

  • จัดการสัมมนาและการประชุมเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการวางแผนและตัดสินใจเกี่ยวกับการพัฒนาเมือง
  • ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองได้ 

การใช้พลังงานหมุนเวียน

  • ส่งเสริมการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านและอาคารสำนักงาน เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เอง
  • สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำ 

การสร้างพื้นที่สีเขียวและพื้นที่สาธารณะ

  • ออกแบบพื้นที่สีเขียวในเมือง เช่น สวนสาธารณะ สวนหย่อม และพื้นที่ป่าชุมชน
  • ส่งเสริมการปลูกต้นไม้ในพื้นที่สาธารณะและบริเวณรอบ ๆ บ้านเรือน 

การให้การศึกษาและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความยั่งยืน

  • จัดการอบรมและสัมมนาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน การจัดการขยะ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
  • ส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับความยั่งยืนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย 

การนำบทเรียนจากเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืนมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทยจะต้องการการร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อสร้างเมืองที่ยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกคน

อ้างอิง

  1. Copenhagen Solutions Lab : Copenhagen Connecting
  2. City of Copenhagen.: The Carbon Neutral City.
  3. Barcelona City Council : Barcelona Superblocks
  4. Smart City Barcelona : Smart City Barcelona
  5. Smart Nation Singapore : Smart Nation Singapore
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ