คาร์บอนฟุตพรินต์ในผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่ผู้ผลิตทุกคนต้องการลดให้ได้มากที่สุดเพื่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์หรือแพ็กเกจจิ้งเป็นสิ่งที่ทุกผลิตภัณฑ์จำเป็นต้องใช้ นอกจากเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานที่ต้องตอบโจทย์เรื่องการปกป้องผลิตภัณฑ์ในระหว่างขนส่งไปถึงลูกค้ายังมีบทบาทในด้านของสิ่งแวดล้อม ตลอดจนให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในการเปิดออก (Unbox) แล้วรู้สึกชื่นชม ชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น แพ็กเกจจิ้งขนมจากประเทศญี่ปุ่นที่ทำให้ผู้ซื้อทึ่งในความพิถีพิถันและสวยงามของบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน การใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาอย่างดีแล้วนั้น นอกจากจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการแพ็กได้ เช่น จากที่ต้องนำวัสดุหลายประเภทมาประกอบกันเป็นแพ็กเกจจิ้ง เปลี่ยนมาใช้บอร์ดที่มีการตัดฉลุ (Die Cut) และสามารถพับให้พอดีกับชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ต้องการแพ็กนั้นจะเป็นการช่วยประหยัดต้นทุนในกระบวนการและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วย ซึ่งบรรจุภัณฑ์ที่ดีนั้นควรส่งมอบคุณค่าต่าง ๆ ได้ครบทุกเกณฑ์ที่กล่าวมา
ตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถส่งมอบได้ครบทุกด้าน ได้แก่
- โฟม หรือ บับเบิ้ลชีท ที่ปกป้องผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง ทีวี ตู้เย็น ได้เป็นอย่างดี แต่ย่อยสลายยาก ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อได้มาก็ถูกทิ้งเป็นขยะปนเปื้อนไปในสิ่งแวดล้อม
- ฝอยกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ผ่านเครื่องย่อยกระดาษ กระดาษย่อยสลายได้ง่ายดูเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็ดูไม่สวยงาม ลูกค้าอาจเกิดความรู้สึกไม่ดีกับบริษัท ให้ความรู้สึกที่ไม่สมกับราคาได้
บทบาทของบรรจุภัณฑ์
1. ฟังก์ชันด้านการปกป้องสินค้าระหว่างขนส่งจนถึงมือลูกค้า
2. ความยั่งยืน การเปลี่ยนจากโฟมและพลาสติกเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นการลดคาร์บอนฟุตพรินต์
3. แบรนดิ้ง ช่วยให้ลูกค้าเปิดบรรจุภัณฑ์ขึ้นมาแล้วได้ประสบการณ์ที่ดี
4. ลดต้นทุน ใช้วัสดุน้อยลง ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการแพ็ก
Lesters Packaging บริษัทบรรจุภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมในสหราชอาณาจักร เปิดตัวแผนกยานยนต์ที่มุ่งเน้นการลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของลูกค้าโดยการเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานและใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน
แผนกยานยนต์ของ Lesters Packaging บริการ OEM (ผู้รับจ้างผลิตให้กับแบรนด์) ให้กับซัพพลายเออร์ระดับที่ 1 และ 2 (Tier 1 และ Tier 2) และบริษัทผู้ให้บริการขนส่งที่เป็นบุคคลที่ 3 (3PL หรือ Third-Party Logistics Providers) โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ การขาย การตลาด และลอจิสติกส์ เป็นการช่วยเหลือลูกค้าในการลดคาร์บอนฟุตพรินต์โดยการเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานและเปลี่ยนพลาสติกและโฟมเป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่มีความยั่งยืน
Mark Aucott, Automotive Business Manager ของ Lesters กล่าวว่า “เราช่วยลูกค้าในภาคส่วนยานยนต์ในการลดต้นทุนห่วงโซ่อุปทานได้มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์”
(ที่มา: Pro Vision Photography)
“ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านยานยนต์ของเรา รวมถึงแนวทางการให้คำปรึกษาเป็นการสร้างคุณค่าในห่วงโซ่อุปทาน ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนตั้งแต่ต้นจนจบ (End-to-End) การเพิ่มประสิทธิภาพหรือการสนับสนุนด้านความยั่งยืน” เขาเน้นย้ำถึงความซับซ้อนในการสร้างคุณค่าห่วงโซ่อุปทานและความสำคัญของแนวทางการหมุนเวียน เช่น ใช้บรรจุภัณฑ์จากกระดาษรีไซเคิลทั้งหมด และการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่เพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินต์
Lesters มีส่วนช่วยลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์หลายรายในการลดต้นทุนห่วงโซ่อุปทานได้มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ยังมีบริการด้านห่วงโซ่อุปทานผ่าน ‘Lesters Logistics’ โดยบริการส่งมอบในวันถัดไปได้เลย เป็นการบริการแบบ ‘Stock and Serve’ และ ‘Pick and Pack’
* Stock and Serve คือ บริการจัดส่งบรรจุภัณฑ์เท่ากับจำนวนที่โรงงานลูกค้าใช้ในแต่ละวัน เป็นแนวทางที่ช่วยลูกค้าประหยัดพื้นที่คลังสินค้า
** Pick and Pack คือ จัดส่งสินค้าและบรรจุภัณฑ์ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า
Lesters ขยายขีดความสามารถโดยการลงทุนมากกว่า 7 ล้านปอนด์ (327 ล้านบาทที่อัตราแลกเปลี่ยน 46.73 บาทต่อปอนด์) ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการผลิต การออกแบบ และนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึง TCY Casemakers ที่สามารถพิมพ์ได้ 3 สี และยังผลิตบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่ยั่งยืนได้มากกว่า 465,000 เคสต่อวัน
สำหรับภาคส่วนยานยนต์ Lesters ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีความทนทานสำหรับส่วนประกอบที่ซับซ้อนและกล่องพับ ‘Easy Pick’ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้กาวหรือลวดเย็บกระดาษ Lesters มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการไดคัทตามที่ลูกค้าต้องการ พร้อมทั้งให้คำปรึกษาเกี่ยวกับรูปแบบและเกรดของกระดาษแข็ง รวมถึงความแข็งแกร่งและน้ำหนักของวัสดุบรรจุภัณฑ์ด้วย
วิดีโอเกี่ยวกับ กล่องพับ ‘Easy Pick’
Mark Aucott เน้นย้ำถึงบทบาทของบริษัทในการสนับสนุนเทรนด์การใช้พลังงานไฟฟ้าและสตาร์ทอัปด้านยานยนต์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ความร่วมมือของ Lesters กับ Rolec บริษัทผู้ผลิตจุดชาร์จ EV ชั้นนำรายหนึ่งในสหราชอาณาจักร ในการพัฒนาโซลูชันบรรจุภัณฑ์ใหม่สำหรับ ‘Zura’ ชาร์จเจอร์ EV อัจฉริยะของ Rolec โดยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งและประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ในขณะที่ลดจำนวนหน่วย SKU ของบรรจุภัณฑ์จาก 4 เหลือแค่ 1 เท่านั้น
วิดีโอเกี่ยวกับ โซลูชันบรรจุภัณฑ์สำหรับ Zura ชาร์จเจอร์ EV อัจฉริยะของ Rolec
บทความอ้างอิง: https://www.etmm-online.com/