อุตสาหกรรมเหล็กกล้าเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูงมาก การประหยัดพลังงานในกระบวนการผลิตจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนลงได้มาก Swiss Steel Group เป็นบริษัทที่พยายามบุกเบิกการผลิตเหล็กกล้าสีเขียว (Green Steel) โดยใช้มาตรการต่าง ๆ ทั้งการใช้กระบวนการผลิตเหล็กด้วยวิธีอาร์คไฟฟ้า (Electric Arc Furnace) ที่มีการปล่อยคาร์บอนน้อยกว่า รวมถึงการใช้เศษเหล็กรีไซเคิล เนื่องจากไม่ต้องมีการปล่อยคาร์บอนจากการถลุงเหล็กครั้งแรกที่ใช้พลังงานสูงในกระบวนการรีไซเคิล
ข้อมูลที่แม่นยำมีความสำคัญ และไม่เฉพาะในกระบวนการผลิตของโรงงานเอง แต่ต้องขยายไปถึงระบบนิเวศรอบข้าง ซึ่งรวมถึงซัพพลายเออร์ที่ส่งวัตถุดิบรีไซเคิลด้วย ข้อมูลส่วนประกอบของเศษเหล็กก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพของเหล็กกล้าที่ผลิต หากข้อมูลผิดพลาดจะทำให้เหล็กไม่ได้คุณภาพตามที่ต้องการ
บทความ หนทางสู่การผลิตเหล็กกล้าที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (ที่มา: toolmakers.co)
Swiss Steel Group บริษัทรีไซเคิลเหล็กรายใหญ่ในยุโรป แปรรูปเศษเหล็กมากกว่า 2.2 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ยังเป็นผู้บุกเบิกในการผลิตเหล็กที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากวัสดุรีไซเคิลอีกด้วย โดยเน้นเรื่องความสำคัญของข้อมูลที่แม่นยำในการผลิตเหล็กกล้าที่ยั่งยืน บริษัทใช้วิธีเผยแพร่แนวทางปฏิบัติเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนให้กับบริษัทอื่น ๆ ได้ทำตาม เป็นเอกสารปกขาว และมีการตั้งเป้าหมายที่ผ่านการรับรองโดยองค์กรที่เป็นสากล ตลอดจนการจัดหาวัตถุดิบรีไซเคิลใกล้กับโรงงานเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่ง
บทความ Swiss Steel Group ตั้งเป้าลดคาร์บอนตามหลักวิทยาศาสตร์และผ่านการรับรองโดย SBTi
โมเดลเสมือนจริง หรือ Digital Twin ของเศษเหล็กมีศักยภาพในการปฏิวัติการผลิตเหล็กกล้าสีเขียว (Green Steel) และขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนไปข้างหน้าได้อย่างชาญฉลาด
(ที่มา: Swiss Steel)
เหล็กเป็นวัสดุที่ถูกรีไซเคิลมากที่สุดในโลก ค่อย ๆ พัฒนาจากการเป็นของเสียมาเป็นวัตถุดิบที่มีค่า การใช้เศษโลหะที่มีการแยกประเภทไว้ล่วงหน้าอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการผลิตเหล็กที่ประหยัดพลังงานและมีคาร์บอนต่ำ ข้อมูลที่แม่นยำขององค์ประกอบเศษเหล็กก็มีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเศษเหล็กใหม่จากการแปรรูปโลหะ เพื่อให้สามารถควบคุมองค์ประกอบของเหล็กกล้าใหม่ได้อย่างแม่นยำ
Swiss Steel Group เป็นผู้ชนะรางวัล German Sustainability Award ในปี 2024 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับภูมิภาค ด้วยการที่มีโรงงานเหล็กอยู่ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส และสวิสเซอร์แลนด์ เศษโลหะส่วนใหญ่มีแหล่งที่มาภายในรัศมี 90 ถึง 100 กม. เพื่อเป็นการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการขนส่งให้เหลือน้อยที่สุด
นอกจากนี้ Swiss Steel Group ยังร่วมกับมหาวิทยาลัยและซัพพลายเออร์เศษเหล็กในการพัฒนา Digital Twin ของเศษเหล็กที่กำลังจะมาถึง โครงการข้อมูลขนาดใหญ่นี้จะช่วยให้โรงงานเหล็กสามารถระบุประเภทเศษเหล็กที่แน่นอนได้ล่วงหน้า แล้วจะนำไปสู่การจัดส่งและการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนคุณภาพเหล็กที่สูงขึ้นด้วยตามข้อมูลของบริษัท Digital Twin ของเศษเหล็กจะปฏิวัติการผลิตเหล็กกล้าสีเขียวและขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนไปข้างหน้าอย่างชาญฉลาด “โครงการนี้เป็นการค้นพบใหม่สำหรับเรา เรากำลังทำตามกลยุทธ์ของเราในการวางตำแหน่งเป็นผู้นำวงการการผลิตเหล็กกล้าที่ยั่งยืน” Frank Koch, CEO ของ Swiss Steel Group ได้กล่าวเน้น
บทความอ้างอิง: https://www.etmm-online.com/