สงครามนั้นนอกจากจะเกิดการสูญเสียชีวิตประชาชนจำนวนมากแล้ว ยังส่งผลต่อทั้งเศรษฐกิจและการผลิตของหลาย ๆ ประเทศอีกด้วย
รัสเซียเริ่มทำการรุกรานยูเครนตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งเมืองท่ามาริอูโปล (Mariupol) ได้ถูกทำการล้อมไว้โดยทหารรัสเซียตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผลจากการรุกรานของรัสเซียในเมืองมาริอูโปลนั้น ทำให้ยูเครนเสียกำลังการผลิตเหล็กภายในประเทศไปถึง 30 – 40 เปอร์เซ็นต์
“โรงงานเหล็กในเมืองมาริอูโปลมีส่วนร่วมในการผลิตเหล็กมากกว่าหนึ่งในสามของยูเครน” Yuri Ryzhenkov, General Director ของ Metinvest group กลุ่มบริษัทเหล็กและเหมืองแร่แบบบูรณาการในยูเครนพูดถึงโรงงานเหล็กที่กำลังถูกบุกโจมตีและทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องในเมืองมาริอูโปล
และแม้ในปัจจุบันรัสเซียจะสามารถคุมพื้นที่หลายส่วนในเมืองมาริอูโปลได้แล้ว แต่ Yuri Ryzhenkov ก็กล่าวว่ารัสเซียไม่สามารถนำโรงถลุงเหล็กในเมืองมาใช้งานได้ Yuri เชื่อว่าตลาดเหล็กในรัสเซียนั้นไม่ใหญ่พอที่จะรองรับผลผลิตเหล็กจากมาริอูโปลได้ และยังไม่มีบุคลากรมากพอที่จะใช้โรงถลุงเหล็กได้อีกด้วย
ปัจจุบันการผลิตเหล็กของยูเครนลดลงมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุจากการที่ท่าเรือส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้งานได้หรือถูกปิดกั้นเส้นทางอยู่ เศรษฐกิจโลหะของยูเครนนั้น ปกติจะพึ่งการเข้าถึงทางทะเลเป็นหลัก ทำให้บริษัทเหล็กจำเป็นต้องมองหาเส้นทางใหม่บนบกแทน
นอกจากการผลิตเหล็กที่ถูกส่งผลกระทบอย่างมากในยูเครนแล้ว การบุกโจมตีและทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องของรัสเซียยังทำให้ประชาชนจำนวนมากทั้งผู้สูงอายุ ผู้หญิงและเด็กเล็ก ต้องติดอยู่ในโรงงานเพื่อหลบภัย และยังก่อให้เกิดผู้เสียชีวิตมากมายจากสงคราม สุดท้ายนี้ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากให้เกิดความสูญเสียใด ๆ ขึ้นทั้งสิ้น ได้แต่หวังว่าสถานการณ์จะยุติลงในเร็ว ๆ นี้