USA Tax

จีนเตือน “สงครามการค้าไม่มีใครชนะ” หลังทรัมป์ขู่เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีน

Date Post
02.12.2024
Post Views

Key
Takeaways
  • สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน – การเพิ่มภาษีนำเข้าของทรัมป์อาจเป็นเครื่องมือในการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจ มากกว่ามุ่งแก้ปัญหายาเสพติดเพียงอย่างเดียว

  • ข้อกล่าวหาเรื่องเฟนทานิล – สหรัฐฯ กล่าวหาจีนว่าเป็นแหล่งส่งออกสารตั้งต้นของเฟนทานิล แต่จีนยืนยันว่าดำเนินการควบคุมและปราบปรามอย่างต่อเนื่องตามข้อตกลงที่บรรลุไว้

  • ผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ – ความตึงเครียดด้านการค้าและภาษีนำเข้าส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน และอาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในระยะยาว

สถานทูตจีนในกรุงวอชิงตันแถลงในวันจันทร์ว่า “ไม่มีใครชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษี” หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ ประกาศขู่จะเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนอีก 10% ทันทีที่เขาเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม

โฆษกสถานทูตจีน หลิว เผิงยู่ กล่าวว่า การค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐฯ นั้น “เป็นประโยชน์ร่วมกันโดยธรรมชาติ” และจีนได้ดำเนินมาตรการที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาการค้ายาเสพติด ตามข้อตกลงที่บรรลุเมื่อปีก่อนระหว่าง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

หลิวกล่าวว่า “ข้อกล่าวหาที่ว่าจีนจงใจปล่อยให้สารตั้งต้นของเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ นั้นขัดแย้งกับข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง” พร้อมยืนยันว่าจีนได้แจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายด้านยาเสพติดแก่สหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง

ทรัมป์ระบุว่า การเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนเป็นมาตรการตอบโต้การลักลอบนำเข้ายาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาดในสหรัฐฯ ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ผลักดันให้จีนเพิ่มความเข้มงวดด้านกฎหมายและการควบคุมสารเคมีที่ใช้ผลิตยาเสพติดชนิดนี้

โดยไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าปัญหาเฟนทานิลเป็นปัญหาใหญ่ในสหรัฐฯ โดยเฟนทานิลเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด และการจัดการปัญหานี้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ การผลักดันให้จีนเพิ่มมาตรการควบคุมการส่งออกสารเคมีจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในเชิงของการปกป้องสาธารณสุขของประชาชน แต่ถ้าหากมองลึกลงไป ปัญหาเฟนทานิลอาจไม่ใช่ปัจจัยเพียงอย่างเดียวในแผนการขึ้นภาษีครั้งนี้

ความร่วมมือในเรื่องนี้มีความคืบหน้าบางประการ หลังจากการประชุมระหว่าง โจ ไบเดน และ สี จิ้นผิง เมื่อปีที่ผ่านมา โดยจีนได้ประกาศควบคุมสารเคมี 3 ชนิดที่จำเป็นต่อการผลิตเฟนทานิล รวมถึงสนับสนุนการสอบสวนร่วมด้านยาเสพติดระหว่างสองประเทศ

ความขัดแย้งเรื่องการค้าและภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ไม่เพียงสร้างความตึงเครียดทางเศรษฐกิจ แต่ยังส่งผลต่อประเด็นความร่วมมือในระดับนานาชาติ เช่น การปราบปรามการค้ายาเสพติด การดำเนินมาตรการตอบโต้ของทรัมป์อาจนำไปสู่การตอบโต้จากจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศในระยะยาว

สำหรับจีน การตอบสนองต่อคำขู่ของทรัมป์ด้วยท่าทีประนีประนอม แสดงถึงความพยายามรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพ แม้จะเผชิญแรงกดดันทางการเมืองจากฝั่งสหรัฐฯ ก็ตาม

เฟนทานิลเป็นปัจจัยเดียวในการเพิ่มภาษีสินค้าจีนจริงหรือ?

ในสถานการณ์ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้รับเลือกตั้งอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขู่ว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนอีก 10% ข้ออ้างสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมา คือ การแก้ปัญหา เฟนทานิล ยาเสพติดที่กลายเป็นวิกฤตด้านสาธารณสุขในสหรัฐฯ โดยทรัมป์กล่าวว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกดดันให้จีนหยุดส่งออกสารเคมีตั้งต้นที่ใช้ผลิตเฟนทานิลสู่ตลาดมืดในสหรัฐฯ แต่คำถามที่เกิดขึ้น คือ “เฟนทานิลนั้นเป็นปัจจัยเดียวจริงหรือที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจดังกล่าว?” เราทุกคนก็คงยังต้องติดตามสถานการณ์สงครามการค้าในครั้งนี้กันต่อไป

อ้างอิง : https://www.reuters.com/world/no-one-will-win-trade-war-china-says-after-trump-tariff-threat-2024-11-26/

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ