ดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯ ปรับตัวลดลงต่ำสุดรอบ 6 เดือน

Date Post
19.02.2021
Post Views

ส.อ.ท. เผย ดัชนีความเชื่อมั่น ภาคอุตสาหกรรม เดือน มกราคม 2564 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน  สาเหตุมาจาก COVID-19 ระลอกใหม่ แนะรัฐเร่งซื้อวัคซีน – แก้ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ช่วยส่งออก 

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ระดับ 83.5 ปรับตัวลดลงจากระดับ 85.8 ในเดือนธันวาคม 2563 โดยค่าดัชนีฯ โดยปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน โดยมีปัจจัยลบจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าระลอกแรกและขยายขอบเขตในหลายจังหวัด ส่งผลให้ภาครัฐออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโดยกำหนดพื้นที่ควบคุมตามความรุนแรงของสถานการณ์ 

รวมทั้งมีความเข้มงวดในมาตรการรักษาระยะห่าง การจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการในร้านอาหาร และสถานที่ต่างๆ ขณะที่ภาครัฐและเอกชนให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (work from home) มากขึ้น ส่วนสถานศึกษายังปิดเรียนชั่วคราวโดยให้เรียนผ่านระบบออนไลน์ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ในด้านการส่งออกผู้ประกอบการยังประสบปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอ ทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น รวมทั้งปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ยังคงกดดันภาคการส่งออกของไทย

อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าการระบาดระลอกแรก ในช่วงเดือนเมษายน 2563 ซึ่งลดลงมาอยู่ที่ระดับ 75.9 เนื่องจากภาคการผลิตไม่ได้หยุดชะงัก และยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทั้งผู้ประกอบการ แรงงาน และประชาชนผ่านโครงการต่างๆ ยังช่วยพยุงเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบ  ทางเศรษฐกิจจากการระบาดของ COVID-19 

จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,441 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศในเดือนมกราคม 2564 พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก ร้อยละ 73.8, อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ร้อยละ 52.6, และราคาน้ำมัน ร้อยละ 42.2 ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ร้อยละ 40.8 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 37.4 ตามลำดับ

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 91.1 จากระดับ 92.7 ในเดือนธันวาคม 2563 เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อสถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่ที่ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่ภาครัฐยังไม่มีวัคซีน COVID-19 ฉีดให้กับประชาชน ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ตลอดจนการค้าและการลงทุนของไทยยังมีความไม่แน่นอน

สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ประกอบด้วย

1. เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก 

2. เร่งรัดการจัดซื้อและการแจกจ่ายวัคซีน COVID-19 ของไทย ให้ได้ตามกำหนดเวลาและมีปริมาณเพียงพอเพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตามปกติ

3. เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและประเทศคู่ค้า เกี่ยวกับมาตรการควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ของไทย

4. ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาคเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านราคา

5. ขอให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะมาตรการเสริมสภาพคล่อง จัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) อย่างเป็นรูปธรรมสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากปัจจุบันมีการปล่อยเงินกู้ซอฟต์โลนเพียง 1.22 แสนล้านบาท จากวงเงิน 500,000 ล้านบาท รวมทั้งแก้ไขกฎหมายและเงื่อนไขพ.ร.ก.ซอฟต์โลนที่เป็นอุปสรรคเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำได้มากขึ้น

และ 6. ขอให้ภาครัฐพิจารณาการนำโครงการช็อปดีมีคืนกลับมาใช้ในปี 2564 เพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในกลุ่มที่ต้องเสียภาษี โดยคืนภาษีจากเดิมสูงสุด 30,000 เป็น 50,000 บาท เพื่อนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2564

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Nichaphan W.
การตลาดและประชาสัมพันธ์