บอร์ดไทยออยล์ไฟเขียวแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินระยะยาว ผ่านการเพิ่มทุน และปรับสัดส่วนการลงทุนใน GPSC เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน เตรียมความพร้อมเพื่อต่อยอดธุรกิจ ภายหลังการขยายเข้าสู่ธุรกิจปิโตรเคมีที่อินโดนีเซีย
เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) (นัดพิเศษ) ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 เห็นชอบการเพิ่มทุนจดทะเบียนและการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering) รวมถึงการขายหุ้น GPSC บางส่วน ตามแผนการจัดหาเงินทุนสำหรับการปรับโครงสร้างทางการเงินระยะยาวของบริษัทฯ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน ชำระเงินกู้ยืมระยะสั้นที่ใช้สำหรับลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมีที่อินโดนีเซียเมื่อไตรมาส 3 ปี 2564 รวมถึงสนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน
กรณีศึกษา…อัพเกรดโรงงานน้ำตาลอายุร้อยปีสู่ Factory Automation ด้วยระบบ Ecostruxure [Super Source]
นางวนิดา บุญภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการเงินและบัญชี บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 2,751,200,000 บาท จากทุนจดทะเบียนปัจจุบันจำนวน20,400,278,730 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 23,151,478,730 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 275,120,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par) หุ้นละ 10 บาท”
โดยการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว จะแบ่งเป็น ส่วนที่ 1 การเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering) จำนวนไม่เกิน 239,235,000 หุ้น ซึ่งรวมการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ สงวนสิทธิไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้หรืออาจเป็นผลให้บริษัทฯ มีภาระหรือหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ
ส่วนที่ 2 บริษัทฯ อาจมีการพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment) จำนวนไม่เกิน 35,885,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 15 ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่เสนอขายในคราวนี้ ซึ่งจะดำเนินการไปพร้อมกันกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering) ผู้ลงทุนสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมซึ่งจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังเห็นชอบการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (“GPSC”) ให้แก่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (“ปตท.”) และ/หรือ บริษัท สยาม แมนเนจเม้นท์ โฮลดิ้ง จำกัด (“SMH”) ซึ่งมีปตท. ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 100 จำนวนทั้งสิ้น 304,098,630 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 10.78 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GPSC เป็นราคารวมทั้งสิ้นประมาณ 22,351 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาก่อนหักเงินปันผลของ GPSC หลังวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และก่อนวันโอนหุ้น (หากมี) และให้นำทั้ง 2 รายการเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ในเดือนเมษายนนี้ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
สำหรับการเพิ่มทุนและการจำหน่ายหุ้น GPSC ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำเงินที่บริษัทฯ ได้รับไปชำระคืนเงินกู้ยืมให้แก่ ปตท. และธนาคารพาณิชย์ จากเงินกู้ยืมระยะสั้น (Bridging Loan) ที่มีการกู้ยืมเพื่อรองรับการเข้าลงทุนของบริษัทฯ ใน PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (“CAP”) เมื่อไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว ทั้งนี้ การเพิ่มทุนและการจำหน่ายหุ้น GPSC ในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการจัดหาเงินทุนสำหรับการปรับโครงสร้างทางการเงินระยะยาวของบริษัทฯ”
- ไทยออยล์ ร่วมลงทุนสตาร์ทอัพ สร้างธุรกิจ healthcare
- ไทยออยล์ ร่วมทุน CAP อินโดนีเซีย ขยายธุรกิจโอเลฟินส์
- ไทยออยล์ ระบุ ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง
- อีสท์ วอเตอร์ -ไทยออยล์ ซื้อขายน้ำส่งจ่ายโครงการพลังงานสะอาด
- ยอดจองหุ้นกู้ ไทยออยล์ ทะลัก 3,700 ล้านUSD
ด้านนายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ มีความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีสายโอเลฟินโดยได้เข้าร่วมลงทุนใน CAP ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำในประเทศอินโดนีเซีย ทำให้ไทยออยล์สามารถก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินได้อย่างรวดเร็วและทำให้โครงสร้างธุรกิจมีความสมบูรณ์ ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี สร้างโอกาสการเติบโตในประเทศอินโดนีเซีย ที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีสูงมาก
นอกจากนี้ การลงทุนนี้ยังเป็นการขยายความร่วมมือทางการค้าระหว่างไทยออยล์ กับ CAP โดยไทยออยล์ได้เข้าทำสัญญาเพื่อส่งผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบให้กับ CAP นอกจากนี้ ยังได้เข้าทำสัญญาเพื่อจำหน่ายพอลิเมอร์เรซิน (Polymer Resins) และผลิตภัณฑ์ในรูปของเหลวอื่นๆ ของ CAP อีกด้วย