บี.กริม เพาเวอร์ ย้ำศักยภาพการระดมทุนจากสถาบันการเงินและตราสารสีเขียว ลุยเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด พร้อมระดมทุนผ่าน Green Bond เร็วๆ นี้ ส่งเสริมการเติบโตธุรกิจอย่างยั่งยืน
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายขยายกำลังการผลิตไปสู่ 7,200 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 ด้วยปณิธานที่จะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักธรรมภิบาล ตลอดจนการบริหารห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) อย่างรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบใน 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมผ่านการพัฒนาพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นเป้าหมายของ บี.กริม ในการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อร่วมลดภาวะโลกร้อนและดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงประมาณ 71% และจากพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดประมาณ 29%
Product Finder แหล่งรวมผู้ผลิตและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ | SIEMENS [SuperSource]
ทั้งนี้ ในวันที่ 2 มิถุนายน 2564 บริษัทได้จัดโรดโชว์แก่กลุ่มผู้ลงทุนเพื่อให้ข้อมูลบริษัท และการเตรียมเสนอขายและจัดออกหุ้นกู้ครั้งใหม่จำนวนรวมไม่เกิน 8,000 ล้านบาท และมีกรีนชูอีก 2,000 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปลงทุนในโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งที่เป็นการสร้างใหม่ การควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณา 2-3 ดีล อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ในประเทศเวียดนาม มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ภายในครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ ยังเพื่อใช้คืนเงินกู้เดิมเพื่อลดต้นทุนภาระดอกเบี้ยให้ต่ำลง รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ
- บี.กริม เดินเครื่อง โรงไฟฟ้าโซลาร์ รูฟท็อป ในฟิลิปปินส์
- บี.กริม ขยายพื้นที่ป่า มุ่งลดก๊าซเรือนกระจก
- บี.กริม กำไรพุ่ง 21% สวนกระแสโควิด-19
สำหรับการออกหุ้นกู้รวม 8,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจะเป็นหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) อายุ 5 ปี โดยเงินที่ได้จากการเสนอขาย Green Bone ประมาณ 87% จะใช้เป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ประเทศเวียดนาม และอีกประมาณ 13% จะใช้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลม จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งขณะนี้มีผู้ลงทุนให้ความสนใจในหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุด ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 3 ปี 5 ปี (Green Bond) และ 10 ปี
และคาดน่าจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี โดยจะมีกำหนดราคาจากความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) เร็วๆ นี้ โดยคาดว่าจะเสนอขายและจัดออกหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ดังกล่าว