“บี.กริม เพาเวอร์” เร่งเครื่องปั้มโมเดลรุก พลังงานสะอาดเต็มสูบ เจาะตลาดลูกค้าใหม่ทั้งรัฐและเอกชน เล็งขยายฐาน “โซลาร์ รูฟท็อป” และ “โซลาร์ ลอยน้ำ” ทั้งในประเทศ – ต่างประเทศ
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ในปี 2564 บี.กริม เพาเวอร์ จะเดินหน้าขยายการลงทุนธุรกิจพลังงานโซลาร์รูฟท็อปอย่างเต็มที่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาด โดยมีแผนขยายตลาดเพิ่มเติมจากปัจจุบัน ได้เข้าไปติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป แล้วใน 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม โอมาน และฟิลิปปินส์
ซึ่งปัจจุบัน มีการเซ็นสัญญาติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป ทั้งสิ้น 115 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นที่ดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว 26 โครงการ รวมกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 18 โครงการ รวม 103 เมกะวัตต์ อาทิ เช่น ไอคอนสยาม, สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, โรงพยาบาลชุมชน ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการทำสัญญาอีก 9 โครงการ รวม 24 เมกะวัตต์ และยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการนำเสนอให้กับองค์กร และหน่วยงานต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก
“การมีโซลาร์ รูฟท็อป ทำให้เราสามารถเข้าไปเสนอโมเดลธุรกิจ และจับมือเป็นพันธมิตรกับลูกค้านอกเขตนิคมอุตสาหกรรมได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น โดยโมเดลธุรกิจของ บี.กริม ไม่ได้มุ่งกำไรเป็นที่ตั้ง เป้าหมายของบริษัทในการเข้าสู่ธุรกิจนี้ เป็นการมุ่งตอบโจทย์สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างพันธมิตรกับลูกค้าในระยะยาว” นายฮาราลด์ กล่าว
- บี.กริม เพาเวอร์ เคาะราคา IPO สุดท้ายที่ 16.00 บาท ต่อหุ้น
- บี.กริม ผนึก UV ลงทุนธุรกิจพลังงานขยายตลาดอสังหาริมทรัพย์
- บี.กริม ได้รับเลือกเป็นสมาชิก “FTSE4Good Index Series”
ทั้งนี้ หัวใจสำคัญในการเข้าสู่ธุรกิจนี้ คือ ระบบการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป ซึ่งเป็นระบบที่ต้องมีการบำรุงรักษาในระยะยาว ทำให้สัญญาส่วนใหญ่ที่ทำกับลูกค้าจึงเป็นสัญญาระยะยาว 15-25 ปี ดังนั้น รูปแบบในการดำเนินธุรกิจนี้จึงเป็นการสร้างพันธมิตรระยะยาว ระหว่าง บี.กริม เพาเวอร์ กับลูกค้าในการร่วมสร้างพลังงานสะอาดไปพร้อมกัน รวมถึงสร้างประโยชน์ที่ต่อเนื่องจากธุรกิจไปสู่สังคม สะท้อนวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจเพื่อ “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี” หรือ “Empowering the World Compassionately” ของ บี.กริม เพาเวอร์ อย่างเด่นชัด
ด้านนายพีรเดช พัฒนจันทร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายกฎหมายและพัฒนาธุรกิจ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่องค์กรต่างๆ หันมาใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ผสมผสานกับระบบที่ทันสมัยของโรงไฟฟ้าแบบพลังความร้อนร่วม (combined cycle cogeneration) ซึ่งยังมีความจำเป็นเพราะเป็นระบบที่มีเสถียรภาพกว่า ทำให้เกิดเทรนด์การใช้พลังงานที่ผสมผสาน หรือ hybrid power plant ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบของ บี.กริม เพาเวอร์ เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ประกอบการด้านพลังงานที่ครบถ้วนและทันสมัยที่สุด ทั้งเป็นผู้นำด้านโรงไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมกระจายอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่มีความทันสมัยทั่วภูมิภาค และด้านพลังงานทดแทนมีโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
“การขยายขอบเขตธุรกิจพลังงานทดแทนครอบคลุม โซลาร์ รูฟท็อป และ โซลาร์ ลอยน้ำ ทำให้ บี.กริม เพาเวอร์ สามารถเสนอรูปแบบการจำหน่าย ดูแล และบำรุงรักษา ระบบไฟฟ้าให้กับลูกค้าได้อย่างครบวงจร และมีประสิทธิภาพ สามารถตอบโจทย์ทางด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างครบถ้วนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นหัวใจของธุรกิจ โซลาร์ รูฟท็อปที่ ที่ บี.กริม เพาเวอร์ เข้ามาดำเนินการในทุกวันนี้” นายพีรเดช กล่าว